Tuesday, 2 July 2019

Something


จอร์จแต่ง "Something" ด้วยเปียโนระหว่างการบันทึกเสียง White Album ในปี 1968 เขาเขียนมันอย่างรวดเร็วในสตูดิโอ 1 ที่เป็นห้องเดียวที่เหลือในขณะนั้น เพราะพอลใช้สตูดิโอ 2 อยู่ จอร์จเขียนเพลงนี้อย่างลื่นไหลจนเขาแปลกใจว่าอะไรมันจะมาง่ายขนาดนั้น ในการอัดเสียงเพลงนี้ เขาไม่ได้คิดถึง The Beatles แต่กลับเป็น เรย์ ชาร์ลส์ ผู้ซึ่งต่อมาก็นำเพลงนี้ไปร้องในอัลบั้ม Volcanic Action of My Soul ของเขาในปี 1971
จอร์จไม่ได้มีไอเดียอะไรสำหรับเนื้อเพลงๆนี้ แม้ว่าแพ๊ตตี้ บอยด์ ภรรยาคนแรกของเขาจะอ้างในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอว่าจอร์จเขียน"Something" ให้เธอโดยเฉพาะ บรรทัดแรกของเพลงนี้นำมาจากชื่อเพลง "Something In The Way She Moves" ของ James Taylor ผู้ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญากับ Apple ในการออกอัลบั้มเปิดตัวของเขาในปี 1968 ประโยคของเทย์เลอร์กลายเป็นเนื้อเพลงหลักที่จอร์จไม่เปลี่ยนแปลง เหลือเพียงท่อนบริดจ์ที่ต้องแต่งกันต่อ ในปี 1969 จอร์จบอกนักข่าว David Wigg ว่า จอห์นได้แนะนำเคล็ดลับบางอย่างให้เขา ".....เมื่อใดที่คุณเริ่มต้นเขียนเพลง พยายามแต่งมันให้จบขณะที่คุณยังอยู่ในอารมณ์เดิมขณะนั้น...."จอร์จเล่าต่อว่า "หลายครั้งที่คุณกลับไปทำมันต่อและพบว่าคุณอยู่ในสภาพจิตใจที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น,ตอนนี้ผมจึงพยายามทำมันให้เสร็จรวดเดียว"
19 กันยายน 1968 ขณะที่จอร์จกำลังทำเพลง "Piggies" อยู่ ระหว่างเทค เขาเล่นเพลง "Something" ให้คริส โธมัสฟัง (คริสรับหน้าที่โปรดิวเซอร์แทนจอร์จ มาร์ติน ในวันนั้น) โธมัสบอกจอร์จว่า "นั่นมันยอดมาก! ทำไมเราไม่ทำเพลงนี้แทนล่ะ?" จอร์จตอบว่า "นายชอบมันหรือ นายคิดจริงๆหรือว่ามันดี?" เมื่อโธมัสบอกว่าใช่ จอร์จบอกว่า "โอ, งั้นบางทีฉันอาจจะเอามันให้ Jackie Lomax นะ เขาอาจจะออกมันเป็นซิงเกิ้ลได้!" แต่สุดท้าย "Something" ก็ได้เปิดตัวใน Abbey Road และเป็นซิงเกิ้ลหน้าเอของ The Beatles มันเป็นซิงเกิ้ลหน้าเอเพลงแรกของจอร์จในประวัติศาสตร์ของวง ทุกวันนี้ "Something" เป็นหนึ่งในยี่สิบเพลงที่มีคนนำมาเล่นใหม่มากที่สุดในโลก
จอห์น เลนนอนคิดว่า "Something" เป็นแทร็คที่ดีที่สุดในอัลบั้ม ส่วนจอร์จ มาร์ตินก็รู้สึกแปลกใจที่จอร์จสามารถแต่งเพลงที่มีคุณภาพได้ถึงระดับนี้-ระดับเดียวกับเลนนอน-แมคคาร์ทนีย์เลยทีเดียว มาร์ตินรู้สึกละอายใจที่เขาไม่ได้ใส่ใจจอร์จมากเท่าจอห์นและพอล เขากล่าวไว้ว่า "Something เป็นเพลงที่มหัศจรรย์ แต่เราไม่ได้ให้เครดิตเขาเพียงพอ และเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกลายมาเป็นยอดนักแต่งเพลง" ส่วนริงโก้สรุปไว้ว่า "มันน่าสนใจตรงที่ว่า จอร์จได้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าตอนที่เรากำลังจะแตกวงพอดี"
25 ก.พ. 1969 วันเกิดครบรอบ 26 ปีของจอร์จ แฮริสัน เขาเดินเข้าไปใน Abbey Road คนเดียวเพื่ออัดเดโม 8 แทร็คสำหรับเพลงสามเพลงของเขา "Old Brown Shoe", "All Things Must Pass" และ "Something" "Old Brown Shoe" ต่อมากลายเป็นหน้าบีของซิงเกิ้ล "The Ballad of John and Yoko" ส่วน "All Things Must Pass" ไปอยู่ในอัลบั้มเดียวสามแผ่นของจอร์จที่จะออกในปี 1970 ส่วน "Something" กลายเป็นเพลงของ Beatles ที่มีคนนำมา cover มากที่สุดรองจาก "Yesterday" วันนั้นจอร์จเหมาคนเดียวทั้งกีต้าร์,เปียโนและร้อง โดยมี Ken Scott อยู่ใน control room เวอร์ชั่นแรกนี้มันออกไปในแนวนุ่มนวลอย่างยิ่ง เนื้อเพลงบางส่วนถูกตัดไปใน final version และกลายเป็นท่อนโซโลกีต้าร์แทน The Beatles เริ่มเล่นเพลงนี้ในวันที่ 16 เมษายน 1969 และในวันที่ 2 พ.ค. พวกเขาก็ได้เทคที่ดีที่สุด (36) อันมีจอร์จเล่นกีต้าร์ผ่าน Leslie speaker, พอลเล่นเบส, จอห์นกีต้าร์โปร่ง,บิลลี่ เพรสตันเล่นเปียโน และกลองโดยริงโก้ เทค 36 นี้มีความยาวถึง 7:48 โดยมีท่อน coda ตอนท้ายเพลงยาวกว่า 4 นาที ส่วนใหญ่ของท่อน coda นี้จะเป็นเสียงเปียโนสี่โน๊ตของจอห์นจนกระทั่ง fade out ต่อมาจอห์นย่อท่อนนี้ลงเหลือ 2:32 และนำมันไปแต่งต่อเป็นเพลง "Remember" ในอัลบั้ม John Lennon/Plastic Ono Band ของเขาในปี 1970
ยังมีเซสชั่นต่อมาตามมาอีก ในวันที่ 5 พ.ค. พอลบันทึกเสียงท่อนเบสของเขาที่ Olympic Sound Studios (ได้ Glyn Johns ควบคุมการบันทึกเสียง) เสียงเบสที่ได้นี้ใช้เทคนิคใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น มันเป็นการผสมระหว่างเสียงที่ได้จากการเสียบเครื่องดนตรีเข้าไปในคอนโซลโดยตรงรวมกับเสียงที่ออกมาจากแอมป์ จอร์จที่ขณะนั้นมีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่าสมัยก่อน กล้าพอที่จะวิจารณ์การเล่นเบสของพอล เขาบอกให้พอลเล่นมันให้ธรรมดาลงกว่านี้หน่อย จากนั้นจอร์จก็อัดเสียงโซโล่กีต้าร์ของเขาผ่านลำโพง Leslie

ในวันที่ 11 ก.ค. จอร์จเริ่มบันทึกเสียงร้องนำของเขาเป็นครั้งแรกโดยมีบิลลี่ เพรสตันเล่นออร์แกนไปด้วย ในวันที่ 16 ก.ค. เป็นวันที่จอร์จอัดเสียงร้องในขั้นสุดท้าย เพื่อสร้างอารมณ์และสมาธิ มีการหรี่ไฟในห้องอัดให้จอร์จเป็นพิเศษด้วยขณะที่เขาร้อง พอลเพิ่มเติมเสียงร้องสนับสนุน และพอล,จอร์จ และริงโก้เพิ่มเสียงปรบมือลงไปอีกนิดหน่อย ในวันที่ 15 สิงหาคม มีการอัดเสียงออเคสตร้าสำหรับหลายเพลง "Golden Slumbers", "Carry That Weight", "The End","Here Comes The Sun" และ "Something" ด้วย จอร์จ มาร์ตินเป็นคนเขียนสกอร์และกำกับวงด้วยตัวเองในสตูดิโอ 1 ถึงตอนนี้เหลือเพียงแค่แทร็คเดียวในเทปที่จะบันทึกเสียงกีต้าร์และออเคสตร้า จอร์จต้องเล่นไปพร้อมๆกับวงออเคสตร้าในเทคเดียว และด้วยความมั่นใจ เขาปลดปล่อยท่อนโซโล่อันสุกสกาวนั้นออกมาอย่างหมดจด ในที่สุดการบันทึกเสียง "Something"ก็เสร็จสมบูรณ์ มีการทำสเตอริโอมิกซ์ในวันที่ 19 สิงหาคม และท่อน coda ยาวเหยียดนั้นก็ถูกใครบางคนลบทิ้งไป

No comments:

Post a Comment