20 สิงหาคม 1969 จอห์น,พอล,จอร์จ และ ริงโก้ พร้อมหน้ากันที่ Abbey Road เป็นครั้งสุดท้าย พวกเขามาร่วมกันเป็นสักขีพยานการทำมาสเตอร์เทปในวันนี้ มันเกือบจะเป็น final master แล้ว มีความแตกต่างจาก final จริงๆอยู่สองประการ 1. Octopus's Garden อยู่ก่อน Oh! Darling และ 2. แต่มันเป็นเรื่องใหญ่มาก หน้าหนึ่งและหน้าสองของแผ่นเสียง สลับกัน นั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาไม่เปลี่ยนใจ Here Comes The Sun จะเป็นเพลงเปิดอัลบัม Abbey Road เมดเลย์จะอยู่ที่หน้าแรก และอัลบัมจะจบด้วยการตัดกลางอากาศของเพลง I Want You (She's So Heavy) ลองคิดกันเล่นๆว่ามันจะเวิร์คกว่าไหม
แน่นอน มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ในวันที่ 25 สิงหาคม พวกเขา edit Maxwell's Silver Hammer และ The End อีกเล็กน้อย และจัดการสลับลำดับของเพลง Octopus's Garden และ Oh! Darling รวมทั้ง side one และ side two ในที่สุด Abbey Road ก็เป็น Abbey Road อย่างที่เราได้ฟังกัน
ก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้ชื่อ Abbey Road ตอนแรก The Beatles คิดจะให้อัลบัมนี้มีชื่อว่า Everest เพราะพอลชอบภาพของยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ปรากฏที่ซองบุหรี่ยี่ห้อ Everest ที่เอ็นจิเนียร์ Geoff Emerick ชอบสูบ มีแผนการจะไปถ่ายภาพทั้งสี่ยืนอยู่หน้ายอดเขาด้วย แต่พวกเขาก็เกียจคร้านเกินไปที่จะบินไปถึงธิเบต และพบว่าความขยันของพวกเขามีแค่เดินออกไปถ่ายที่ทางม้าลายนอกสตูดิโอเท่านั้น และด้วยตรรกะนั้น มันจึงต้องใช้ชื่อว่า "Abbey Road"
พอลเป็นคนสเก็ตซ์ภาพวางแผนการถ่ายปกนี้ ส่วนช่างภาพคือ Ian Macmillan ถ่ายกันในวันที่ 8 สิงหาคม 1969 พอลเป็นคนเลือกภาพที่เขาคิดว่าดีที่สุดจากทั้งหมดหกภาพที่เอียนถ่ายมา มันเป็นภาพที่ทั้งสี่กำลังเดินออกจากสตูดิโอ พอลเดินเท้าเปล่าและคีบบุหรี่ ถ้าท่านได้เห็นภาพอื่นๆที่ไม่ได้ใช้แล้วก็คงเห็นด้วยกับพอลว่าภาพนี้สมบูรณ์และลงตัวที่สุดจริงๆ
หลังจากอัลบัมออกมาไม่นาน ก็เริ่มมีกระแสข่าวลือว่า "พอลตายแล้ว" กระฉ่อน โดยจะมีร่องรอยต่างๆที่พวก Beatles ที่เหลือพยายามปล่อยออกมาบนปกแผ่นเสียง (กลัวแฟนเพลงจะรับไม่ได้ถ้าบอกตรงๆ เลยต้องค่อยๆแง้ม) ร่องรอยต่างๆนี้ยิ่งลือก็ยิ่งสนุก และเขียนหนังสือกันเป็นเล่มๆได้ แน่นอน พอลไม่ได้ตาย แต่ข่าวลือแบบนี้กระตุ้นยอดขายดีนักโดยเฉพาะในอเมริกา Capitol ไม่ได้เป็นต้นตอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาแก้ข่าวอะไร ปล่อยให้ลือกันไป และอัลบัมต่างๆของ Beatles ก็กลับมาติดชาร์ตกันยกใหญ่
Abbey Road ออกวางขายในอังกฤษโดย Parlophone หมายเลขแผ่นคือ Apple PCS 7088 ในวันที่ 26 กันยายน 1969 เป็นอัลบัม Beatles ชุดแรกที่ขายในอังกฤษในแบบสเตอริโอเพียงแบบเดียว มันขึ้นอันดับ 1 ทุกชาร์ตของประเทศ
ส่วนในอเมริกา Capitol Records จัดจำหน่าย หมายเลขแผ่นคือ Apple SO-383 ในวันที่ 1 ตุลาคม 1969 แน่นอนมันขึ้นอันดับ 1 ทั้ง Billboard และ Cashbox
เมื่อถึงเวลาของฟอร์แมทซีดี ก็มีตำนานนิดหน่อย ซีดี Abbey Road ไม่ได้ออกมาในปี 1987 เหมือนชุดอื่นๆแต่มันออกมาตั้งแต่ปี 1983 โดยทาง Toshiba ของ ญี่ปุ่นเป็นผู้ปั๊มออกมา โดยการขอมาสเตอร์ก๊อปปี้มาจากอีเอ็มไอ ซึ่งทางอีเอ็มไอก็ทำเทปก๊อปปี้แบบ 30 ips ส่งให้ไป ทาง Toshiba ก็คงไม่ได้คิดอะไรมากมายมั้ง ทางอังกฤษส่งมาให้ยังไง เค้าก็เอานั่นมาทำเป็นมาสเตอร์ให้ซีดีเลย โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการปรับแต่งอะไรทั้งสิ้น
น่าเสียดายที่หลังจากแผ่น Abbey Road ฉบับโตชิบ้านี้ออกมาได้ไม่นาน ก็เริ่มมีการ"ขอร้อง"จากทางอีเอ็มไอให้หยุดการผลิตซะ แผ่นนี้จึงกลายเป็นตำนานของนักสะสมไปแล้วในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลของความหายากก็ส่วนหนึ่ง
แต่ประเด็นที่ทำให้มันเป็นที่เสาะแสวงหาของมันที่แท้จริง คือคุณภาพเสียง แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำจากมาสเตอร์โดยตรง แต่เสียงของมันกลับเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะไม่ได้มีการใช้ EQ หรือ compression หรือกระบวนการ No-Noise ที่เป็นการทำลาย ambience ของดนตรีไปเพื่อแลกกับความสงัดนั้น
Abbey Road Toshiba ไม่ได้มีคุณภาพเสียงที่เพอร์เฟ็ค เสียงแหลมโปร่งของมันเกือบๆจะเป็นแปร๋นไปนิดและคุณจะได้ยินเสียงซ่าในเนื้อเทปติดมาด้วยเป็นหย่อมๆ แต่สิ่งที่เหนือกว่าเวอร์ชั่นของอีเอ็มไอ1987 คือบรรยากาศโดยรวมที่ใกล้เคียง analog sound แบบแผ่นเสียง เสียงเบสที่หนักแน่นและลงลึกกว่า โดยเฉพาะ "หน้าบี" ของแผ่นเสียง
เพลงที่ให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนคือ I Want You (She's So Heavy) ช่วงที่ดนตรีโหมกระหน่ำท่ามกลางกระแสของwhite noise ซีดีแผ่นนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดุดันและลงรายละเอียดลึกซึ้งยิ่ง
แต่เมื่อซีดีฉบับ"รีมาสเตอร์" ปี 2009 ออกมา ด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมเกือบสมบูรณ์แบบ ก็ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเจ้าโตชิบ้า สามเหลี่ยมดำกันอีกต่อไป
2019 ครบรอบ 50 ปีของอัลบัมนี้ แฟนๆกำลังลุ้นกันว่าจะมี box set ชุดพิเศษออกมาในช่วงปลายปีเหมือนกับที่เราได้รับ Sgt. Pepper และ The Beatles (White Album) ในสองปีที่ผ่านมาหรือไม่ และหลายๆ forum ก็เริ่มมีการคาดเดากันแล้วว่าควรจะมีอะไรในกล่องบ้าง ที่แน่ๆคือต้องมีการ "รีมิกซ์" ใหม่ แต่ปัญหาคือ Giles Martin จะมิกซ์อย่างไรให้ดีกว่า original ได้หรือ
-----------
"ผมจะบอกคุณจากใจเลยนะ ผมจำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้มากนักหรอก เพราะว่า Abbey Road สำหรับผม มันก็เหมือนกับอัลบัมอื่นๆ ผมชอบบางแทร็ค และก็ไม่ชอบบางแทร็ค มันเป็นแบบนี้เสมอ ผมไม่เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของอัลบัมไหนเป็นพิเศษ Abbey Road เป็นอัลบัมที่เต็มไปด้วยศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จ ผมไม่คิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่า หรือน้อยกว่านั้น"
- จอห์น เลนนอน
No comments:
Post a Comment