Polythene เป็นคำแบบอังกฤษที่ใช้เรียก 'polyethylene' มันคือพลาสติกโพลีเมอร์ที่ใช้ทำถ้วยชามและถุงพลาสติกต่างๆที่เราใช้กันทุกวันนั่นเอง เพลง Polythene Pam นี้เป็นผลงานการแต่งของจอห์น ที่มาของเพลงก็พิลึกพิลั่นพอสมควร และมีสตรีสองคนที่เป็นต้นแบบของ"แพม"
คนแรกคือ Patricia Hodgett แฟนเดนตายของ Beatles ยุค Cavern Club แพ็ทริเซียมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นคือเธอชอบกิน polythene (!) จนเพื่อนๆเรียกเธอว่า Polythene Pat ซึ่งฟังดูไม่ห่างจาก Polythene Pam นัก
"แพม" อีกคนคือ Stephanie แฟนสาวของกวี Royston Ellis (สมญา "Allen Ginsberg แห่งอังกฤษ") คืนหนึ่งใน Channel Islands, Lennon, Royston และ Stephanie อยู่บนเตียงเดียวกัน และทุกคนสวมใส่เครื่องแต่งกายที่เป็น... polythene bags จากปากคำของ Ellis ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น และเขาทั้งสามคิดว่ามันไม่เห็นจะขำตรงไหนในการที่จะมีเซ็กซ์แบบเพี้ยนๆอย่างนั้น แต่สำหรับจอห์น เลนนอน นี่เป็นวัตถุดิบชั้นดี: เซ็กซ์วิตถารในถุงพลาสติก เท่านั้นยังไม่พอจอห์นยังเติมรองเท้าบู้ตและกระโปรงสก็อตต์ (kilts) ลงไปในเพลงอีก ซึ่งจริงๆวันนั้นไม่มีใครใส่หรอก พอลยืนยันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ แม้เขาจะไม่ได้ไปซ่อนอยู่ใต้เตียงในวันนั้นก็ตาม
จอห์นร้องเพลงนี้ด้วยสำเนียงลิเวอร์พูลเต็มที่ เพราะเขาอยากให้เพลงนี้มันเป็นเรื่องของ"สก๊อยสาวในตำนานลิเวอร์พูลที่แต่งองค์ด้วยบู้ตสูงและกระโปรงสก็อตต์"
The Beatles เล่น Polythene Pam และ She Came In Through The Bathroom Window ต่อกันสดๆเหมือนกับที่จับคู่ Sun King กับ Mean Mr. Mustard ดังที่เล่าไปแล้ว พวกเขาเริ่มบันทึกเสียงเพลงคู่นี้กันในวันที่ 25 กรกฎาคม วันนั้นอัดไป 39 เทค โดยมีจอห์นเล่นริธึ่มกีต้าร์และร้องไกด์, พอลเล่นเบสและร้องไกด์ในอีกเพลง, จอร์จโซโล่กีต้าร์ และริงโก้ตีกลอง จอห์นไม่พอใจกับการตีกลองของริงโก้ในเพลงนี้มากๆ และบอกริงโก้อย่างไม่ไว้หน้าเลยว่า ที่เขาตีไปน่ะยังกะเดฟ คลาร์ค (แห่ง Dave Clark Five) แต่ยังไงริงโก้ก็ตีไม่ถูกใจจอห์นเสียที จนจอห์นหมดความอดทนและบอกว่า เอาเถอะ ก็ใส่มันลงไปอย่างนั้นก็ได้ คุณคงจินตนาการออกว่านั่นทำให้ริงโก้ของเราจิตตกแค่ไหน เขาหลบไปซ้อมกับพอลอยู่พักใหญ่และเมื่อคิดว่าเขาน่าจะพร้อมแล้ว มือกลองผู้น่ารักได้กลับมาหาจอห์นอีกครั้งด้วยความหวังสูงส่ง แต่จอห์นบอกว่า "ไอไม่เล่นเพลงเวรนี่อีกแล้ว เบื่อ ริง,ถ้านายอยากจะเล่นกลองใหม่ล่ะก็ ไปโอเวอร์ดับกันเอาเองแล้วกัน"
ด้วยความช่วยเหลือของ Geoff Emerick ริงโก้ก็ไปตีกลองใหม่ลงไปจริงๆ โดยใช้เสียงกลองเดิม (ที่จอห์นไม่ชอบ) นั้นเป็นไกด์ ในวันที่ 28 ก.ค. มีการเติมเสียงกีต้าร์, เครื่องเคาะจังหวะ, เปียโนไฟฟ้าและอคูสติกลงไปในเพลง รวมทั้งเสียงร้องใหม่ด้วย สองวันต่อมาก็ยังมีการเติมเสียงร้อง,เพอร์คัสชั่นและกีต้าร์อีกหน่อย ก่อนที่จะนั่งลองฟังกันและพบว่าทั้งสองเพลงผ่านฉลุยโดยเฉพาะช่วงต่อเพลง ทั้งสองเพลงได้รับการทำ final mix ในวันที่ 14 สิงหาคม 1969
ขอบคุณ คุณ Winyu Art Charoensantiphap ที่ช่วยไขความลึกลับในหลายประเด็นของเพลงนี้ครับ
No comments:
Post a Comment